วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559







1. เป็นโลโก้  และมีช่องสำหรับค้นหาใช้ค้นหาได้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ Facebook ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้เล่น  ชื่อเพจ  ใช้อีเมล์ในการค้ารวมถึงข้อมูลที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูล  ซึ่งมีข่าวว่ากำลังพัฒนาระบบให้ตอบสนองความต้องการในการค้นหาที่มากขึ้นด้วย
2.เป็นชือของเราและรูปโปรไฟลืขนาดเล็ก  หากเราคลิกก็จะมาอยู่ที่หน้าของเรา  และมีคำว่าหน้าแรก  ซึ่งหาดมีระบบข่าวหรือว่าฟีตมาใหม่ๆ
3. เป็นเมนูที่ใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเพจ  กาตั้งค่า  ออกจากระบบเป็นต้น
4. ต่อจากนั้นจะเป็นรูปคนหากมีคนกำลังขอให้เราเป็นเพื่อน  แสดงข้อความที่ส่งถึงเรา  และแสดงการแจ้งเตื่อนต่างๆที่เกี่ยวกับเรา
5. จะแสดงชื่อของเราแล้วการเข้าจัดการโปรโฟล์ต่างๆ  พร้อมรูปของเราที่ได้ตั้งค่าไว้
6. แสดงข่าวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรา  รวมถึงกิจกรรมที่เพื่อนได้เชิญชวนต่างๆ
7. แสดงหน้าเพจที่เราสามารถเข้าไปใช้งานได้  หรือว่าเข้าไปจัดการใช้งานได้
8. แสดงรายชื่อกลุ่มต่างๆที่เราได้เข้าร่วมอยู่  สามารถที่จะเข้าไปโพสต่างๆได้
9. รายชื่อแอฟต่างไที่เราได้ใช้งานอย่างเช่นเกม  หรือว่าอื่นๆ
10. ช่องสำหรับโพสข้อความต่าง  ทั้งการโพสรูปภาพและลิงค์อื่นๆ
11. แสดงหน้าข่าวหรือว่าฟีคต่างๆที่  เพื่อนหรือว่าทางเพจที่เราได้กดไลท์ไว้
12. แสดงโฆษณาที่ได้ใช้งานกับทาง Facebook ไว้  ต้องนี้หากคนที่จะจำหน่ายสินค้าแล้วโฆษณาจะแสดงตรงนี้นั้นเอง



1. Title bar  (แถบชื่อ) แสดงชื่อเว็บที่เรากำลังใช้อยู่

        2. Menu Bar (แถบเมนู) ทำหน้าที่แสดงเมนูคำสั่งต่างๆ ซึ่งแบ่งกลุ่มของคำสั่ง โดยประกอบไปด้วย เมนูFile, เมนูEdit , เมนูViewและเมนูFavorites
3. Address Bar   (แถบที่อยู่) ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ต่างๆ
4.แถบบุ๊กมาร์ก หน้าเว็บโปรดของคุณจะแสดงอยู่ที่ด้านบนของหน้าแท็บใหม่เป็นค่าเริ่มต้น
          5. Apps   ไอคอนสำหรับแอปที่คุณได้ติดตั้งจาก Chrome เว็บสโตร์สามารถเข้าถึงได้โดยการคลิกบุ๊กมาร์ก Apps ในแถบบุ๊กมาร์ก เมื่อคุณอยู่ในหน้า Chrome Apps เพียงคลิกที่ไอคอนเพื่อเปิดแอป
          6. ช่องค้นหา เริ่มพิมพ์คำค้นหาของคุณลงในช่องค้นหา และคุณจะเห็นคำค้นหาของคุณปรากฏขึ้นในแถบอเนกประสงค์ คุณยังสามารถป้อน URL เพื่อนำทางไปยังหน้าเว็บได้อีกด้วย
          7. เข้าชมบ่อยสุด ภาพขนาดย่อของเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมเป็นประจำจะปรากฏอยู่ด้านล่างช่องค้นหา เพียงคลิกที่ภาพขนาดย่อที่ต้องการเพื่อไปที่ไซต์นั้น หากต้องการนำไซต์ที่เข้าชมบ่อยที่สุดออก ให้วางเมาส์เหนือภาพขนาดย่อ และคลิกไอคอน X ที่มุมขวาบนของภาพขนาดย่อนั้น


วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ต

1. ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต (ให้ตอบมาอย่างน้อย 5 ข้อ)

ด้านการศึกษา

1. สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชา หรืออ่านหนังสือออนไลน์

2. ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดออนไลน์

3. นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเตอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น

4. สามารถทำการเรียนการสอนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้


ด้านการพาณิชย์

1. ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ

2. สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

3. ทำการตลาดการโฆษณาผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

4. ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น


ด้านการบันเทิง

1. การพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อ่านหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ

2. การเล่นเกมออนไลน์

3. สามารถฟังวิทยุหรือดูการถ่ายทอดสดผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้

4. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้


นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในระบบอินเตอร์เน็ตยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย พอจะสรุปได้ว่า อินเตอร์เน็ต มีความสำคัญ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย การติดต่อสื่อสารที่สะดวก และรวดเร็ว แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร

ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลก่อให้เกิดประโยชน์มากมายได้แก่

– ด้านการติดต่อสื่อสาร เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการพูดคุยด้วยการส่งสัญญาณภาพและเสียง

– เป็นระบบสื่อสารพื้นที่จำลอง (Cyberspace) ไม่มีข้อจำกัดทางศาสนา เชื้อชาติ ระบบการปกครอง กฎหมาย

– มีระบบการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

– สามารถค้นหาข้อมูลในด้านต่างๆ ได้ผ่านบริการ World Wide Web

– การบริการทางธุรกิจ เช่น สั่งซื้อสินค้า หรือการโฆษณาสินค้าต่างๆ

– การบริการด้านการบันเทิงต่างๆ เช่น การดูภาพยนตร์ใหม่ๆ การฟังเพลง ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การเกมออนไลน์ เป็นต้น



โทษของอินเตอร์เน็ต

2. ให้นักเรียนหาประเด็นเกี่ยวโทษของอินเตอร์เน็ตต่อไปนี้

   2.1  โรคติดอินเตอร์เน็ต

           • อาการโรคติดอินเทอร์เน็ต

ลองมาดูกันนะครับว่าอะไรเป็นสิ่งที่บอกว่าลูกหลานหรือตัวเราเองเป็นโรคติดอินเทอร์เน็ตหรือไม่ นักจิตวิทยาชื่อ

คิมเบอร์ลี เอส ยังได้วิเคราะห์ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี แสดงว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต

* รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต

* มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้นอยู่เรื่อยๆ

* ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้

* รู้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยุดใช้

* คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น

* ใช้เป็นอินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา

* หลอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตนเอง

* มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น หดหู่ กระวนกระวาย

• รูปแบบและลักษณะของการติดอินเทอร์เน็ต

มีได้หลากหลายรูปแบบเช่น

1. Cyber Sexual Addiction

การติดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ เช่นการดูเว็บโป๊

2. Cyber-Relationship Addiction

การคบเพื่อนจากห้องแช๊ตรูม , เว็บบอร์ด นำมาทดแทนเพื่อนหรือครอบครัวในชีวิตจริง

3. Net Compulsion

การติดการพนัน , การประมูล สินค้า , การซื้อ - ขายทางอินเทอร์เน็ต

4. Information Overload

การติดการรับข้อมูลข่าวสาร จนไม่สามารถยั้บยั้งได้

5. Computer Addition

การใช้คอมพิวเตอร์ ในลักษณะที่ไม่สามารถยับยั้งใจได้ เช่น การเล่นเกมส์ออนไลน์

 

• ปัญหามากน้อยแค่ไหน

อุบัติการณ์ของโรคติดอินเทอร์เน็ตขึ้นอยู่กับความจริงที่ว่าอินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ เปลี่ยนแปลงการรับรู้และระดับความวิตกกังวลของเรา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยโรคติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งคนกลุ่มนี้ติดอินเทอร์เน็ตภายใน 6 เดือน ถึงร้อยละ 25 ได้รายงานความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากคอมพิวเตอร์ว่าเป็นความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจและเบิกบานใจที่สามารถควบคุมเทคโนโลยีได้ มีการเรียนรู้การใช้โปรแกรมต่างๆอย่างรวดเร็วโดยผ่านประสาทสัมผัสทางตา ความรู้สึกเบิกบานใจตรงกับการที่ผู้ติดอินเทอร์เน็ตมักบรรยายความรู้สึกของตนเองว่า รู้สึกโล่ง จิตใจโปร่ง ความคิดกว้างไกล ภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของตัวเองและรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ

ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการติดคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลแมคลีนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดพบว่าผู้ใช้บริการท่องอินเทอร์เน็ตร้อยละ 5-10 มีปัญหาต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตจนขาดไม่ได้ และร้อยละ 6 ของคนที่ใช้ ยอมรับว่าอินเทอร์เน็ตมีผลกระทบต่อชีวิตของตนเอง ด . ร . เดวิด กรีนฟิลด์ แห่งศูนย์พฤติกรรมอินเทอร์เน็ต เชื่อว่าบริการบางอย่างในอินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบทางจิตวิทยาทำให้เกิดการบิดเบือนของเวลา สร้างความพึงพอใจ กรีนฟิลด์อ้างว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ การพนัน ซื้อสินค้าออนไลน์ล้วนมีผลกระทบทางอารมณ์ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่าหากคนทั่วไปออนไลน์แล้วเกิดปัญหา ไม่ควรเรียกภาวะนี้ว่าเสพติด แต่ควรเรียกว่าภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เช่นภาวะควบคุมตนเองไม่ได้ในการพนันหรือซื้อของ ( compulsive gambling or shopping ) ซึ่งเราอาจเรียกว่าภาวะควบคุมตนเองไม่ได้ในการใช้อินเทอร์เน็ต

คิมเบอร์ลี เอส ยัง นักวิจัยของศูนย์บำบัดโรคติดอินเทอร์เน็ต ผู้สนับสนุนแนวคิดว่าภาวะติดอินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นโรค เป็นความผิดปกติกล่าวว่า คนที่ติดอินเทอร์เน็ตต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาทางจิตใจเช่นภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และมักจะใช้โลกแห่งจินตนาการของอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยให้ตนเองพ้นไปจากความรู้สึกและสถานการณ์ที่เครียด กว่าร้อยละ 60 ของคนที่มารับการบำบัดโรคติดอินเทอร์เน็ตกล่าวว่ากิจกรรมทางเพศออนไลน์ที่เขาเคยทำนั้น ไม่สมควร เช่นหมกมุ่นกับการเปิดดูภาพลามกอนาจาร หรือพูดคุยสนทนาเรื่องทางเพศแบบออนไลน์ นอกจากนี้มากกว่าครึ่งของคนเหล่านี้ยังเสพติดแอลกอฮอล์ ยาเสพติด บุหรี่ อีกด้วย มีผู้เสนอว่าภาวะติดอินเทอร์เน็ตควรระบุว่าเป็นโรคหรือความผิดปกติ เนื่องจากกว่าร้อยละ 86 ของผู้ที่มีอาการโรคติดอินเทอร์เน็ตจะมีความผิดปกติทางจิตเวชร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยในปีค . ศ .2009 พบว่าผู้ที่เสพติดอินเทอร์เน็ต มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสมอง

ด . ร . โกลเบิร์ค จิตแพทย์ ได้ให้ความรู้ว่า แม้ว่าโรคติดอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ใช่การเสพติดที่แท้จริง แต่เปิดกว้างมากขึ้นสำหรับพฤติกรรมซ้ำๆที่ไม่สามารถควบคุมได้อื่นๆ ตัวอย่างเช่น การที่คนบางคนใช้เวลาพูดคุยโทรศัพท์กับผู้อื่นนานมาก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่พึงพอใจ ก็อาจเรียกว่าโรคติดโทรศัพท์ ซึ่งก็คล้ายกับคนที่สนทนาทางอินเทอร์เน็ต ด้วยเหตุผลเหมือนกัน อย่างไรก็ตามการที่คนหนึ่งใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปหรือไม่เหมาะสมอาจเป็นอาการแสดงของความผิดปกติอื่นๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือเสพติดการพนัน โรคติดอินเทอร์เน็ตมักถูกเปรียบเทียบกับภาวะกินอาหารมากผิดปกติซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำให้ตัวเองดีขึ้นจากภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล มากกว่าจะเป็นเสพติดการกินอาหารจริงๆ

จากการสำรวจในประเทศเกาหลีใต้ พบว่าเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึงร้อยละ 30 หรือประมาณ 2.4 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดอินเทอร์เน็ต ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีน เมื่อปีค . ศ .2006 พบว่า ประชาชนกว่า 123 ล้านคนออนไลน์ และร้อยละ 14.9 เป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี มีรายงานจากไต้หวันว่าอุบัติการณ์ของการติดอินเทอร์เน็ตในเด็กมัธยมเท่ากับ ร้อยละ 5.9 และพบว่าร้อยละ 10.6 ของเด็กมัธยมเป็นโรคติดอินเทอร์เน็ต มีรายงานจากผู้พิพากษาของปักกิ่งว่าในปีค . ศ .2005 กว่าร้อยละ 90 ของอาญชากรรมในเด็กวัยรุ่นเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต องค์กรเอกชนของจีนอ้างว่าในปีค . ศ .2007 กว่าร้อยละ 17 ของประชากรจีนที่อายุระหว่าง 13-17 ปี นั้นเสพติดอินเทอร์เน็ต

 

• วิธีการป้องกันและรักษาจากโรคติดอินเทอร์เน็ต

ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าภาวะติดอินเทอร์เน็ตสามารถหายไปเองได้ แต่หลายคนก็จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ ด . ร . อีวาน โกลเบิร์ค จิตแพทย์ ผู้ค้นพบโรคติดอินเทอร์เน็ต ได้ให้คำแนะนำในการป้องกันและช่วยเหลือกับผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นหรือกำลัง จะเป็นโรคนี้ว่า ก่อนอื่นต้องรู้ว่าตัวคุณเองใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปหรือไม่ ในระดับไหน และรูปแบบลักษณะของการใช้ไปในรูปแบบใดเสียก่อน ร่วมกับวิธีการอื่นๆเช่นการใช้โปรแกรมเพื่อควบคุมเนื้อหาของอินเทอร์เน็ต การให้คำปรึกษา และพฤติกรรมบำบัด

ในประเทศจีนนั้นมีการจัดให้ครอบครัวที่มีลูกวัยรุ่นใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไป ได้มาเข้าแคมป์ฝึกฝนเพื่อช่วยลูกให้ลดการใช้อินเทอร์เน็ตลง ส่วนในสหรัฐอเมริกาก็มีศูนย์บำบัดผู้ใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไปชื่อว่า รีสตาร์ท (ReSTART) ซึ่งจัดหลักสูตร โดยให้ผู้รับการบำบัดพักอาศัยที่ศูนย์นาน 45 วัน และสามารถให้การช่วยเหลือผู้รับการบำบัดได้จำนวนหนึ่ง

 

อินเทอร์เน็ตกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคม เพิ่มความสะดวกสบายมาสู่การดำเนินชีวิตมากขึ้น นอกจากนั้น อินเทอร์เน็ตยังช่วยเปิดโลกทัศน์และสังคมของผู้คนให้กว้างขึ้นด้วย ในทางกลับกัน อินเทอร์เน็ตเพิ่มความสะดวกสบาย สร้างความบันเทิง จนอาจเกิดปัญหาได้ เรามาช่วยกันดูแลและควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตของลูกหลานเราให้เหมาะสมกันเถอะครับ

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/389620

   2.2   เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม

เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม(Pornography/Indecent Content) 

เรื่องของข้อมูลต่างๆที่มีเนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่างๆนั้นเป็น เรื่องที่มีมานานพอสมควรแล้วบนโลกอินเทอเน็ต แต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคที่ WWW ยังไม่พัฒนา มากนักทำให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภายเหล่านี้เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอเน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็ก และเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอเน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเรา ไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิดผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้

   2.3   ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา 

   ไวรัสคอมพิวเตอร์(computer virus) ซึ่งเรียกชื่อเลียนแบบ ไวรัส ที่เป็นสิ่งมีชีวิต แต่เป็นคำเรียกแบบย่อของ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีชุดคำสั่งระบบปฏิบัติการใดๆก็ตามเท่าที่โปรแกรมถูกเขียนขึ้นมาเพื่อการใดการหนึ่งทั้งที่มีประโยชน์ทางการทำงานตามผู้เขียนโปรแกรมนั้นขึ้นมา โดยที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ

ในเชิงเทคโนโลยีความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนของข้อมูลเอกสารหรือส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้ ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์

ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่งเป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาแผ่นดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่ง การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายความว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกใช้ให้ทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวเลยว่า ขณะที่ตนเรียกใช้โปรแกรมหรือเปิดไฟล์ใดๆขึ้นมาทำงาน ก็ได้เรียกไวรัสขึ้นมาทำงานด้วย จุดประสงค์การทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
ไวรัส (Virus) เป็นมัลแวร์ (Malware) ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้และอยู่มานาน ดังนั้นโดยทั่วไปตามข่าวหรือบทความต่างๆที่ไม่เน้นไปทางวิชาการมากเกินไป หรือเพื่อความง่ายและคุ้นเคยที่จะพูด ก็จะใช้คำว่า Virus แทนคำว่า Malware แต่ถ้าจะคิดถึงความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรก็ตาม จึงกลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่ใช้คำว่า Virus แทนคำว่า Worm, Trojan, Spyware, Adware เป็นต้น ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ามัลแวร์ (Malware) เพราะมัลแวร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน

   2.4  และโทษของอินเตอร์อื่นๆ มาอย่างน้อยอีก 5 ข้อ 

1.อินเตอร์เน็ตเป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก

2.มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแพร่อยู่ปริมาณมาก

3.ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิเช่น เพลง หนัง เติบโตเร็วเกินไป

4.เสี่ยงต่อการโดนจารกรรมข้อมูล การโจมตีจากไวรัส, แฮกเกอร์ และจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มัลแวร์

5.ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง โจมตี โฆษณาชวนเชื่อ กลั่นแกล้งจากเพื่อนใหม่

เช่น การตัดต่อรูปเพื่อการอนาจาร

6.ถ้าเล่นอินเตอร์เน็ตมากเกินไปอาจเสียการเรียนได้

7.ข้อมูลบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเด็กๆ

8.ขณะที่ใช้อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์จะใช้งานไม่ได้

ใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อกล่าวหาและโจมตีคู่แข่ง

3. ให้นักเรียนคิดโจทย์ เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่เรียนมาตั้งแต่ต้น มีตัวเลือก พร้อมเฉลย อย่างน้อย 10 ข้อ 

1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่บ้านต้องเชื่อมผ่านอุปกรณ์ใด

ก.  โมเด็ม    ข. เราท์เตอร์   ค. ทีซีพี      ง. โปโตคอล

2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีกี่รูปแบบ

ก.  2 รูปแบบ     ข. 3 รูปแบบ       ค. 4  รูปแบบ      ง. 5 รูปแบบ

3. การกำหนดรหัสผ่าน  Password  ควรใช้กี่ตัวอักษร

ก.  มากกว่า 3 ตัว         ข. มากกว่า 4 ตัว  ค. มากกว่า 5 ตัว  ง. มากกว่า 6 ตัว

4. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์สำคัญในการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน

ก.เครื่องคอมพิวเตอร์     ข.โมเด็ม       ค. โทรศัพท์      ง.เราท์เตอร์ 

5. อินเทอร์เน็ต  หมายถึง

ก. การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย             ข. การเชื่อมต่อกันระหว่างบุคคลกับบุคคล

ค.การเชื่อมต่อกันระหว่างบุคคลกับองค์กร     ง. การเชื่อมต่อกันระหว่างองค์กรกับองค์กร

6.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คือข้อใด

ก. Chat       ข. E -mail          ค. Net                 ง.  Web

7. บริการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป สามารถใช้บริการใด

ก. Download      ข. FTP         ค. Telnet            ง. BBS

8. การบริการในลักษณะของกระดานข่าวหรือบูเลตินบอร์ด คือข้อใด

ก. UseNet           ข. Download     ค. IRC            ง.Chat

9. ข้อใดไม่ใช่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ก. เครื่องคอมพิวเตอร์  ข. โมเด็ม   ค. โทรศัพท์    ง. โทรทัศน์

10.การเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบุคคลสามารถเข้าถึงได้โดยใช้ผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์โดยใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงคือ

ก.  ทีซีพี           ข.โมเด็ม    ค.. เราท์เตอร์      ง. โปโตคอล

 

เฉลย

1.ค      2. ก     3. ง     4. ง     5. ก

6. ข     7. ค     8. ก     9. ง     10.ข


ใบงานเรื่อง Web Directory & Search engine

1. ที่อยู่(Address) ของ Search engine หรือ Website ที่สามารถใช้ในการสืบค้นข้อมูล ได้แก่.1. http://altavista.com
             2. http://google.com
             3. http://yahoo.com
             4. http://sanook.com
             5. http://dict.longdo.com/

ตอนที่ 1 ให้ค้นหาข้อมูลด้วยการใช้ Key word ที่กำหนด แล้วบันทึกผลลงในแบบด้านล่าง

     Keyword
ผลลัพธ์ หรือจำนวน Website ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

1. สถานที่ท่องเที่ยว

ผลการค้นหาประมาณ 23,800,000 รายการ (0.34 วินาที)

2. จังหวัดนนทบุรี

ผลการค้นหาประมาณ 3,490,000 รายการ (0.29 วินาที)

3. สถานที่ท่องเที่ยว + จังหวัดนนทบุรี
(ใช้เครื่องหมายบวกคั่นกลาง)

ผลการค้นหาประมาณ 26,000 รายการ (0.39 วินาที) 

4. สถานที่ท่องเที่ยว - จังหวัดนนทบุรี
(ใช้เครื่องหมายลบคั่นกลาง)

ผลการค้นหาประมาณ 26,000 รายการ (0.51 วินาที) 

5. สถานที่ท่องเที่ยว  จังหวัดนนทบุรี
(เว้นวรรคตรงกลาง)

ผลการค้นหาประมาณ 26,000 รายการ (0.39 วินาที) 

2. Key word ที่ใช้ในการสืบค้นข้อมูลคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
                    Key word คือคำเฉพาะที่กระชับและเจาะจงเพื่อช่วยให้การค้นหาข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงประเด็น ไม่เสียเวลาในการค้นหามากเกินไป โดยคอมพิวเตอร์จะนำ Key word ไปเปรียบเทียบกับคำในเว็ปไซต์ต่างๆ ถ้าพบคำที่ตรงกันจะแสดงรายชื่อเว็ปไซต์นั้

3. การใช้เครื่องหมายที่ต่างกันคั่นกลางได้ผลแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย
                       การใช้เครื่องหมายลบคั่นกลางหมายถึงการเชื่อมคำทั้งสองคำให้กลายเป็นคำเดียวกันการค้นหาจะคนหาเว็ปไซต์ที่มีคำทั้งสองอยู่ติดกันเท่านั้น แต่เครื่องหมายบวกและการเว็นวรรคคำ จะหมายถึงการใช้คำสองคำเข้าไปค้นหาในเว็ปไซต์ โดยการค้นหาไม่สนใจว่าคำใดมาก่อน/มาหลัง หรือคำทั้งสองอาจอยู่ห่างกันคนละหน้าก็ได้


ตอนที่ 2 ให้ใช้ Key word เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญในจังหวัดนนทบุรี เลือกเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่น่าสนใจ  5 ลำดับ แล้วบันทึกผลลงในแบบบันทึกด้านล่าง


4. เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่สำคัญในจังหวัดนนทบุรี

Keyword ที่ใช้ค้นหา คือ    จังหวัดนนทบุรี

ผลจากการค้นหาพบเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจำนวน   549,000  เว็บไซต์

เว็บไซต์ที่คิดว่ามีเนื้อหาน่าสนใจและน่าเชื่อถือ 5 ลำดับ คือ

1. http:// www.hotelsthailand.com/central/nonburi/index.html

2. http://www.nonthaburi-poc.go.th/

3. www.painaidii.com/diary/diary-detail/001479/lang/th/

4. www.ask.com/

5..http://www.painaidii.com

ตอนที่ 3 การแข่งขันค้นหาข้อมูล ให้ค้นหาคำตอบให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดในเวลาที่กำหนด

1. จังหวัดนนทบุรีมีกี่อำเภอ
คำตอบ   6  อำเภอ
Key word คือ  อำเภอทั้งหมดในจังหวัดนนทบุรี
Website อ้างอิง คือ http://www.sanfanresort.com/
2. ชื่อเจดีย์เอียงที่เกาะเกร็ด คืออะไร
คำตอบ    วัดปรมัยยิกาวาส
Key word คือ.wikipedia.org/wiki/วัดปรมัยยิกาวาส
Website อ้างอิง คือhttps://th.wikipedia.org
3. รหัสไปรษณีย์ อำเภอบางบัวทอง คืออะไร
คำตอบ 11110
Key word คือhttp://search.sanook.com
Website อ้างอิง คือ http://http://search.sanook.com
4. ประชากรในจังหวัดนนทบุรีมีเท่าไร
คำตอบ1.174 ล้าน พ.ศ.2547
Key word คือhttp://search.sanook.com
Website อ้างอิง คือhttp://search.sanook.com
5. คำขวัญจังหวัดนนทบุรี คือ อะไร
คำตอบพระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ด
 แหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์
งามน่ายลศูนย์ราชการ 
Key word คือnonthaburi.go.th
Website อ้างอิง คือ http:///www.tripsthailand.com/th/thailand_Major_Destinations_Nonthaburi.php
6. สินค้า OTOP จังหวัดนนทบุรี มีอะไรบ้าง และให้ยกตัวอย่างมา 3 ชนิด
คำตอบ1.ไม้แกะสลัก (ไก่อู)
2.มังกรแก้วลายถัก 
3.แหวนทรงโบราณ แก้วเป่า
Key word คือสินค้า OTOP จังหวัดนนทบุรี
Website อ้างอิง คือ http://www.chomthai.com/board/index.php
7. จังหวัดนนทบุรีมีวัดทั้งสิ้นจำนวนกี่วัด
คำตอบ 190 วัด
Key word คือวัดทั้งหมดในจังหวัดนนทบุรี
Website อ้างอิง คือ https://th.wikipedia.org/wiki
8. ยกตัวอย่างวัดในจังหวัดนนทบุรี ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
คำตอบวัดกู้
Key word คือวัดในจังหวัดนนทบุรี ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
Website อ้างอิง คือ http://www.sightseeinglocation.com
9. พื้นที่ใดบ้างของจังหวัดนนทบุรีที่มีการปลูกทุเรียน
คำตอบ   ตอนนี้เกษตรกรหันมาปลูกทุเรียนเมืองนนท์มากขึ้น เพราะราคาดี ปัจจุบันมีราว 2,700 ไร่ 
Key word คือฟื้นปลูกทุเรียนนนท์-ปลูก 50 ต้นได้ปีละล้าน
Website อ้างอิง คือ http://www.komchadluek.net
10. ผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันเป็นใคร
คำตอบ      นายนิสิต จันทร์สมวงศ์
Key word คือ   nonthaburi
Website อ้างอิง คือ //http://nonthaburi.go.th/


วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559


ใบงานที่ 3.1
เรื่อง เทคนิคการสืบค้นข้อมูล

โครงงานที่ข้าพเจ้าสนใจคือ โครงงานวิทย์
1. ให้นักเรียนเขียนวิธีการสืบค้นโดยเว็บไซต์กูเกิ้ล มีเงื่อนไขการสืบค้นให้มีความสำคัญ 3 คำ
       ตอบ "โครงงานวิทย์"

2.ให้กรณีที่นักเรียนต้องการสืบค้นข้อมูลโดยใช้เว็บไซต์กูเกิ้ล และต้องการสืบค้นข้อมูลประเภทเอกสาร หรือไฟล์เอกสารเวิร์ด(Word)นักเรียนจะต้องพิมพ์เงื่อนไขการสืบค้นอย่างไร (ใช้คำสืบค้นชื่อเรื่องที่นักเรียนเลือกทำโครงการ)
         ตอบ   “โครงงานวิทย์doc

3.ในกรณีที่นักเรียนต้องการสืบค้นโดยใช้เว็บไซต์กูเกิ้ล และต้องการสืบค้นเฉพาะข้อมูลประเภทงานนำเสนอหรือไฟล์พาเวอร์พ้อยด์(Powerpoint)นักเรียนจะต้องพิมพ์เงื่อนไขการสืบค้นอย่างไร(ใช้คำสืบค้นเรื่องที่นักเรียนเลือกทำโครงงาน)
          ตอบ   โครงงานวิทย์”.ppt

4. ในกรณีที่นักเรียนต้องการสืบค้นโดยใช้เว็บไซต์กูเกิ้ล และต้องการสืบค้นเฉพาะข้อมูลประเภทพีดีเอฟ(.pdf)  ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่ต้องการแก้ไข 

          ตอบ   "โครงงานวิทย์" pdf

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

******ให้นักเรียนค้นหาคำตอบจากอินเตอร์เน็ต แล้วตอบลงในบล็อคของนักเรียนเองพร้อมทั้งบอกแหล่งที่มาที่นักเรียนค้นหามา ส่งภายในวันที่ 23 ธค 2558******************

WebPage หมายถึง   หน้าเอกสารของบริการ  WWW  ซึ่งตามปกติจะถูกเก็บอยู่ในรูปแบบไฟล์ HTML (Hyper Text Markup Language)  โดยไฟล์  HTML  1  ไฟล์ก็คือเว็บเพจ  1  หน้านั่นเอง  ภายในเว็บเพจอาจประกอบไปด้วยข้อความ  ภาพ  เสียง วิดีโอ  และภาพเคลื่อนไหวแบบมัลติมีเดีย  นอกจากนี้เว็บเพจแต่ละหน้าจะมีการเชื่อมโยงหรือ “ลิงค์” (Link)  กัน เพื่อให้ผู้ชมเรียกดูเอกสารหน้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้สะดวกอีกด้วย

Web site หมายถึง   
หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่านทางไฮเปอร์ลิงก์ ส่วนใหญ่จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ในเวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ที่เก็บไว้ที่ชื่อหลักจะเรียกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทั่วไปจะให้บริการต่อผู้ใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการเพื่อที่จะดูข้อมูล ในเว็บไซต์นั้น ซึ่งได้แก่ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อมูลสื่อต่างๆ ผู้ทำเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตั้งแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือองค์กรต่างๆ การเรียกดูเว็บไซต์โดยทั่วไปนิยมเรียกดูผ่านซอฟต์แวร์ในลักษณะของ เว็บเบราว์เซอร์


HomePage หมายถึง     
เว็บเพจหน้าแรกซึ่งเป็นทางเข้าหลักของเว็บไซต์  ปกติเว็บเพจทุกๆ หน้าในเว็บไซท์จะถูกลิงค์ (โดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม) มาจากโฮมเพจ  ดังนั้นบางครั้งจึงมีผู้ใช้คำว่าโฮมเพจโดยหมายถึงเว็บไซท์ทั้งหมด  แต่ความจริงแล้วโฮมเพจหมายถึงหน้าแรกเท่านั้น  ถ้าเปรียบกับร้านค้า โฮมเพจก็เป็นเสมือนหน้าร้านนั่นเอง  ดังนั้นจึงมักถูกออกแบบให้โดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุด

Web Browser หมายถึง ....เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ

Domain Name หมายถึง   ชื่อที่ใช้ประกาศความเป็นตัวตนบนโลกอินเทอร์เน็ต ถ้าชื่อลงท้ายด้วย .com ต้องมีการจดทะเบียนที่ www.internic.com แต่ถ้าเป็นพวก .co.th การจดทะเบียนที่ www.ternic.co.th

URL(Uniform Resouire Locator)  หมายถึง 
  ที่อยู่ของข้อมูลต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกกันว่า URL โดยส่วนมากจะหมายถึง ชื่อหรือที่อยู่ของเว็บไซต์ แต่ URL จะครอบคลุมถึงไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับ Download ซึ่ง URL จะประกอบด้วยชื่อโปรโตคอลที่ใช้ 

IP (Internet Protocol) หมายถึง 
  มาตรฐานที่สร้างขึ้นในเรื่องของการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเครื่องปลายทาง (terminal) ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือตัวเลียนแบบ ดู TCP/IP ประกอบ

TCP/IP (Transport Control Protocol/Internet Protocol) หมายถึง เป็น Protocol ตามมาตรฐานอตุสาหกรรมในการติดต่อสื่อสาร ทำให้ระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้

           Protocolหมายถึง          เป็นกฏระเบียบและข้อตกลงที่สถาบันต่างๆ กำหนดขึ้นมาเพื่อรองรับการสื่อสารระหว่างเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ ให้สามารถสื่อสารและเข้าใจพูดคุยกันได้ เช่นที่นิยมใช้คือ TCP/IP เป็นต้น

ISP (Internet Service Provider)   หมายถึงคือผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ASP (Application Service Provider) หมายถึง  ผู้ให้บริการ Software หรือวิธีการใช้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมี Software ของผู้ใช้เอง

 IDC (Internet Data Center) หมายถึง ผู้ให้บริการรับฝากเครื่อง Server และตระเตรียมสาธารณูปโภคในการทำธุรกรรมให้พร้อมสรรพ 


E-Commerce (Elertronic Commerce)หมายถึง       การทำธุรกรรม อะไรก็ได้โดยใช้สื่ออินเทอร์เน็ต

 Hypertext หมายถึง     เอกสารที่ทำการเชื่อมโยงต่อไปยังเอกสารอื่นๆ ทำให้สามารถอ่านได้หลายมิติ

 Download หมายถึง การย้ายข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่ไกลออกไปมาไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ท้องถิ่น (Local) โดยทั่วไปหมายถึง การรับข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่อยู่ห่างไกลออกไป มาเครื่องอีกเครื่องหนึ่ง หรือเครื่องที่เรากำลังใช้งานอยู่ ซึ่งตรงข้ามกับ Upload

 Upload หมายถึง เป็นการส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป

POP (Post Office Protocal) หมายถึง 
ระบบที่ทำให้สามารถรับและดาว์นโหลด จดหมายจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ไปยังคอมพิวเตอร์ของเราเอง

 Internet Address หมายถึงที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต จะประกอบไปด้วยชื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (User Name) และชื่อของอินเทอร์เน็ต (Internet Name) โดยมีรูปแบบ ดังนี้
ชื่อผู้ใช้@ชื่ออินเทอร์เน็ต

 IP Address คือหมายถึงหมายเลขรหัสประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต โดยเลขนี้จะมีรหัสซ้ำกันไม่ได้ IP Address ประกอบไปด้วยตัวเลข 4 หลักที่คั่นด้วย เครื่องจุด (.) ตัวอย่างเช่น 203.155.35.2 เป็น IP Address ของเครื่อง internet.th.com
Mailing List หมายถึง 
กลุ่มสนทนาที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยใช้โปรแกรม E-mail ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน การเข้าร่วม Mailing List โดยสมัครสมาชิกแล้วจดหมายทุกฉบับที่ถูกส่งไปยัง List ก็จะถูกส่งไปให้ทุกคน ที่อยู่ใน List ได้อ่านกัน